‘เราควร “กระจาย” การดูแลสุขภาพจิตให้มาอยู่ที่ระดับชุมชนมากขึ้น’

.

นี่เป็นหนึ่งในข้อสรุปที่ได้จากงานสัมมนา Global Mental Health in Asia 2025 ที่สิงคโปร์ เมื่อวันที่ 17-19 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา ซึ่งพี่ซันจู (อมรเทพ สัจจะมุนีวงศ์) ผู้ก่อตั้งของเราก็ได้ไปเข้างานสัมมนานี้ในฐานะ Invited Speaker อีกด้วย วันนี้น้อง MIND เลยจะมาบอกต่อสิ่งที่น่าสนใจจากในงานให้เพื่อน ๆ กัน

.

งานนี้ได้รวมทั้งผู้เชี่ยวชาญและผู้ที่ทำงานขับเคลื่อนด้านสุขภาพจิตจากหลากหลายประเทศในเอเชีย-แปซิฟิกมาแสดงผลงานและพูดคุยในเรื่องการขับเคลื่อนด้านสุขภาพจิตด้วยกัน ซึ่งทุกคนก็เห็นตรงกันในเรื่อง ‘ความจำเป็นในการเพิ่มการลงทุนด้านสุขภาพจิตมากขึ้น’

.

ปัจจุบันมีประชากรมากกว่า 250 ล้านคนในอาเซียนที่มีปัญหาด้านสุขภาพจิต และถึงแม้ว่าจะมีการผลักดันเรื่องนี้กันมากขึ้นทั่วโลกก็ตาม แต่การลงทุนในด้านสุขภาพจิตก็ยังมีไม่ถึง 2% ของงบประมาณด้านสุขภาพเลย นอกจากนี้ 75% ของปัญหาด้านสุขภาพจิตเริ่มต้นในช่วงอายุน้อยกว่า 24 ปี แต่ในปัจจุบันมีการลงทุนในด้านสุขภาพจิตของเยาวชนโดยเฉพาะไม่ถึง 0.1% ด้วยซ้ำ ชี้ให้เห็นว่าเราจะต้องมาให้ความสนใจและเพิ่มการผลักดันในเรื่องนี้กันมากขึ้น

.

ในงานสัมมนานี้เราได้เห็นความมุ่งมั่นของคนทำงานด้านสุขภาพจิตที่ช่วยเน้นย้ำว่าการสร้างพื้นฐานด้านสุขภาพจิตให้แข็งแรงนั้นจะต้องมุ่งเป้าไปที่การทำงานเชิงรุกมากขึ้น เท่ากับว่าเราจะต้องเพิ่มการลงทุนในระดับชุมชน ซึ่งจะช่วยเปิดให้การดูแลจิตใจคนในสังคมที่จะไม่เป็นเพียงแค่ในห้องรับคำปรึกษาหรือในโรงพยาบาลเท่านั้น แต่เพิ่มพื้นที่ให้คนในสังคมสามารถเป็นเพื่อนช่วยเหลือดูแลใจกันและกันได้มากขึ้น

.

น้อง MIND ขอบอกเลยว่า Global Mental Health in Asia 2025 เป็นงานที่ดีมาก ๆ และอยากให้คนทำงานด้านสุขภาพจิตในไทยได้ไปกันเยอะ ๆ จากงานนี้สติได้เรียนรู้และได้แรงบันดาลใจในการทำงานเพิ่มขึ้นมากเลย

.

ขอขอบคุณ SingHealth Duke-NUS Global Health Institute ที่เปิดโอกาสให้สติได้ไปแชร์งานของเราและได้มาบอกต่อความรู้ดี ๆ แบบนี้กับทุกคนมาก ๆ เลยน้า